เคยไหมคะ เวลาที่เจอสถาปัตยกรรม หรือสถานที่สวยๆ ที่เต็มไปด้วยสิ่งล่อตาล่อใจ และถูกตกแต่งด้วยงานศิลปะชั้นสูง มักดึงดูดให้เราอยากจะเข้าไปสัมผัส อยากรู้ว่าข้างในจะสวยงามแค่ไหน แต่บางครั้งคุณอาจจะเจอกับเรื่องหลอกลวง ที่ภายนอกสวยงามแต่ข้างในกลับว่างเปล่า ไร้สิ่งดึงดูด แถมยังมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์อีกด้วย
วันนี้น้องหอมจะมาพูดถึง “กลิ่นหอม” ที่ใช้สำหรับการตกแต่งสถาปัตยกรรม หรือสถานที่ที่แตกต่างกันด้วยสีสัน ให้ดูโด่นเด่น ชัดเจน ในแบบของตัวเอง ทำให้ผู้ที่ได้สัมผัสกลิ่นหอม รับรู้ถึงสิ่งที่คุณต้องการจะนำเสนอได้โดยที่ไม่ต้องสัมผัสด้วยตา แต่สามารถสัมผัสได้ด้วยใจค่ะ
สถาปัตยกรรมที่สวยงาม จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับของตกแต่ง หรืองานศิลปะชั้นสูงเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม บรรยากาศที่ชวนดึงดูด และที่สำคัญ คือเรื่องของกลิ่น ต่อให้สถานที่สวยงามแค่ไหน แต่เจอกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ หรือกลิ่นหอมที่ขัดแย้งกับสถานที่ เช่น ห้องรับแขกที่ใช้กลิ่นเครื่องเทศ แบบนี้ก็ชวนให้แขกหรือลูกค้าเกิดอาการมึน จนต้องรีบเผ่นได้เหมือนกันนะคะ
กลิ่นหอม จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ให้บริการ เจ้าของบ้าน หรือเจ้าของธุรกิจ ต้องคำนึงถึง เพราะกลิ่นหอมไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มบรรยากาศภายในให้น่าสัมผัส ชูสถานที่ให้ดูโดดเด่น น่ามอง ชวนหลงไหล แต่กลิ่นหอมยังมีอิทธิพลอย่างมากต่ออารมณ์ ความรู้สึก และจิตใจของผู้มาเยือน หรือลูกค้า อีกด้วย
การเลือกกลิ่นหอม จึงต้องเลือกให้สอดคล้องกับสีของสถาปัตยกรรม
การเลือกกลิ่นหอมให้เข้ากับสถานที่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญค่ะ ครั้งนี้เราจึงรวบรวมเทคนิคดีๆ สำหรับการเลือกกลิ่นหอม ให้เข้ากับบรรยากาศของสถาปัตยกรรมแต่ละสถานที่ ที่มีโทนสีที่แตกต่างกันออกไป เช่น บ้าน อาคาร หรือร้านค้า เพื่อช่วยส่งเสริม และเพิ่มความน่าสนใจของสถาปัตยกรรม หรือสถานที่ ให้ดูโดดเด่น เตะตา เตะจมูก กระแทกใจมากขึ้นค่ะ
สถาปัตยกรรมที่ใช้สีโทนขาวในการตกแต่ง ควรเลือกกลิ่นหอม ประเภทกลิ่นสะอาด หอมละมุน เช่น กลิ่นของวานิลา ลาเวนเดอร์ หรือกลิ่นเบอร์การ์มอต กลิ่นประเภทนี้จะช่วยทำให้คุณรู้สึกสบาย ปลอดโปร่ง ผ่อนคลาย ตอบโจทย์ความเรียบง่ายของบ้าน อาคาร ร้านค้า ที่ต้องการนำเสนอความเรียบง่าย ไม่ฉูดฉาด และช่วยชูความเป็น minimalism ของสถาปัตยกรรมโทนสีขาวได้เป็นอย่างดีเลยหล่ะค่ะ
สถาปัตยกรรมที่ใช้สีโทนหวาน พาสเทล ในการตกแต่ง ควรเลือกใช้กลิ่นหอมจากกลิ่นดอกไม้ เช่น ดอกกุหลาบ ดอกมะลิ ดอกส้ม ดอกการ์ดีเนีย และดอกคาร์เนชั่น เพราะกลิ่นหอมของดอกไม้ เป็นกลิ่นที่โรแมนติกและหอมหวาน จะช่วยบ่งบอกถึงความเป็นผู้หญิง ให้คนที่ได้เข้ามาสัมผัสรับรู้ถึงความอ่อนหวาน ละมุนละไม และกลิ่นหอมของดอกไม้ยังช่วยส่งเสริมสถาปัตยกรรมกรรมโทนสีพาสเทล ให้ดูโดดเด่น น่าจดจำขึ้นอีกด้วยค่ะ
สถาปัตยกรรมที่ใช้สีโทนสดใส ฉูดฉาด ในการตกแต่ง สามารถเลือกใช้กลิ่นหอมของ ซีทรัส หรือกลิ่นผลไม้
เพราะกลิ่นหอมซีตรัสจะมาจากมะนาว เลมอน ส้มเขียวหวาน และส้มแมนดาริน เป็นกลิ่นหอมที่ให้ความรู้สึกสดชื่น สดใส พร้อมมอบกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ให้ความรู้สึกกลมกล่อมตามธรรมชาติ จึงเหมาะนำมาตกแต่งในสถาปัตกรรม หรือสถานที่ต้องการความสดใส เน้นความฉูดฉาด มีสีสัน นอกจากนี้กลิ่นหอมของซีตรัสยังช่วยกระตุ้นความรู้สึกตื่นตัว ช่วยให้สมองกระปรี้กระเป่าอีกด้วยค่ะ หรือเลือกกลิ่นหอมจากผลไม้ เช่น แอปเปิล เบอร์รี่ มะม่วง พีช และผลไม้อื่นๆ ที่มีรสหวานอมเปรี้ยว เพราะกลิ่นหอมของผลไม้ จะเป็นกลิ่นที่ผสมผสานระหว่างความสดชื่นจากธรรมชาติ และความหอมหวานของรสผลไม้ ทำให้รู้สึกถึงความน่ารักอ่อนหวาน แต่ยังมีความสดชื่น สดใสไปพร้อมกัน จึงเหมาะกับการนำมาตกแต่งในสถาปัตยกรรมที่เน้นสีสดใส แต่ยังต้องการความหวาน ได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
สถาปัตยกรรมที่ใช้สีโทนสีเข้มในการตกแต่ง สามารถเลือกใช้กลิ่นหอมจากธรรมชาติ เช่นกลิ่นหอมของทะเล กลิ่นหอมเย็นๆ ที่ให้ความรู้สึกราวกับว่าอยู่บนยอดเขารับกับอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นจากทะเลในยามเช้า กับแสงแดดอ่อนๆ จึงเหมาะมากสำหรับสถาปัตยกรรมในโทนสีเข้ม ซึ่งถือเป็นสีโทนเย็น ที่ทำให้รู้สึกถึงความสงบ เคร่งขรึม โดยกลิ่นหอมจะช่วยส่งเสริมสถานที่ให้ดูโดนเด่น น่าอยู่ ช่วยสร้างความประกับใจให้กับผู้มาเยือน หรือลูกค้าได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
และนี้ก็คือเทคนิคดีๆ ที่เรานำมาฝากกัน ให้คุณได้สามารถเลือกกลิ่นหอมได้ตรงตามโทนสีของสถาปัตยกรรมของคุณ มากที่สุด เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัย และธุรกิจ ที่ดี ให้สถานที่อันแสนวิเศษสำหรับคุณกลายเป็นสถานที่โดดเด่น น่าจดจำ และชวนหลงไหล ของทุกคน ในทุกครั้งที่ได้มาสัมผัสกันนะคะ