การตลาดด้วย “กลิ่น” กลยุทธ์ทางธุรกิจรูปแบบใหม่ที่เห็นผล
คุณมองข้ามสิ่งสำคัญของธุรกิจคุณไปหรือเปล่า ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไรก็ตามแต่ การจดจำจากลูกค้าคนสำคัญไม่แพ้ยอดขายที่ทุกธุรกิจอยากให้เติบโต การตลาดด้วย “กลิ่น” คือการนำกลิ่นหอมมาใช้เพื่อประโยชน์ด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับการสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าระหว่างใช้บริการ ให้ลูกค้าสามารถใช้เวลาในการเลือกซื้อสินค้าได้นานขึ้น กระตุ้นการตัดสินใจซื้อสินค้านั้นๆ ได้ มากขึ้นช่วยให้ลูกค้าสามารถจดจำแบรนด์ และรับรู้ถึงภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรได้อย่างชัดเจน
การตลาดด้วย “กลิ่น” คือการ นำกลิ่นหอม
มาใช้เพื่อประโยชน์ด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับการสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าระหว่างใช้บริการ ให้ลูกค้าสามารถใช้เวลาในการเลือกซื้อสินค้าได้นานขึ้น กระตุ้นการตัดสินใจซื้อสินค้านั้นๆ ได้ มากขึ้น ช่วยให้ลูกค้าสามารถจดจำแบรนด์ และรับรู้ถึงภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรได้อย่างชัดเจน
ตัวช่วยการเพิ่มยอดขาย
กลิ่นหอมจะช่วยกระตุ้นความรู้สึกของลูกค้า ให้พึ่งพอใจในสินค้าและมีแนมโน้มที่จะเลือกซื้อสินค้ามากกว่าปกติ การตลาดด้วยกลิ่นจึงเป็นตัวแปลสำคัญในการช่วยเพิ่มยอดขาย และดึงดูดลูกค้ารายใหม่ๆได้อย่างต่อเนื่อง
ศาสตร์ของกลิ่นหอม ศาสตร์สัมผัสที่ชัดเจน และลึกซึ้ง
“กลิ่น” ถือเป็นศาสตร์ และศิลป์ที่ล้ำลึก ถือเป็นหน่วยความทรงจำที่แข็งแกร่งที่สุด ที่สามารถควบคุมความรู้สึก และส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคโดยตรง“กลิ่นหอม” จึงกลายเป็นเครื่องหมายหน่วยความจำที่ช่วยให้ผู้ที่ได้สัมผัสรับรู้ถึงการสื่อสารของผู้ให้บริการ เกิดความคุ้นเคย ความผูกพันธ์ต่อแบรนด์ ช่วยกระตุ้นความทรงจำ ภาพ อารมณ์และความสัมพันธ์ ได้ดีกว่าการสัมผัสในรูปแบบอื่น
งานวิจัยด้านกลิ่นหอมที่มีความสัมพันธ์ต่อทางธุรกิจ
ผลการวิจัยด้านกลิ่น ชี้ชัดว่า “กลิ่นหอม” ช่วยส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้ามากขึ้นถึง 70% และจากผู้ให้บริการที่สร้างการตลาดด้วย “กลิ่น” ต่างยอมรับว่า
“กลิ่นหอม” สามารถกระตุ้นความรู้สึกของผู้รับบริการ ให้มีความรู้สึกถึงคุณภาพของสินค้า และบริการที่มีมากกว่าเดิม ช่วยบำบัดอารมณ์ของผู้ใช้บริการให้ดีขึ้นได้
ช่วยสร้างความทรงจำของลูกค้าต่อแบรนด์จนเกิดผลสำเร็จ ส่งผลให้ธุรกิจประสบความสำเร็จมากขึ้นกว่าปกติถึง 30%
ตัวอย่างผู้ให้บริการ ที่เลือกใช้ การตลาดด้วย ”กลิ่น”
ส่งเสริมธุรกิจ
– Dunkin Donut ในเกาหลีใต้ ใช้กลิ่นหอมของ Vanilla เคล้ากับเสียงเพลง กระตุ้นอารมณ์ของลูกค้าคล้อยตาม และอยากซื้อสินค้า จนสามารถเพิ่มยอดขายกาแฟได้สูงถึง 29%
– Starbucks เลือกใช้กลิ่นกาแฟ เพื่อกระตุ้นความรู้สึกของลูกค้า ให้เลือกซื้อสินค้า และใช้เวลาอยู่ในร้านนานมากขากขึ้น ทำให้สามารถรักษาความสัมพันธ์ของลูกค้ากับแบรนด์ได้อย่างดีเยี่ยม ส่งผลให้มียอดขายเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นถึง 30%
– โรมแรง Grand Centre Point The Metropole และ Amari เลือกใช้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง สามารถสร้างภาพจำให้กับลูกค้า และเพิ่มระดับความหรูหราของโรมแรมได้อย่างดีเยี่ยม
– ห้างสรรพสินค้า Gaysorn เลือกใช้การตลาดด้วย กลิ่นในการเพิ่มความหรูหรา ยกระดับความทันสมัยเพิ่มยอดขายในกลุ่มนักธุรกิจมากขึ้น
– ร้านค้าปลีกอย่าง อย่าง
– John Hardy
– Hugo Boss
– Blooming Dale’s
– Jimmy Choo
– Nike
– New Balance
เลือกใช้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เป็นการตลาดด้วยกลิ่น ที่ช่วยเพื่อเพิ่มยอดขาย และเพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีให้กับร้าน ทำให้สามารถกลายเป็นร้านค้าปลีกที่ได้รับความนิยม มียอดลูกค้าจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี และมีลูกค้าที่กลับมาเลือกซื้อสินค้าซ้ำๆ จำนวนมาก
– สถานบันเทิง ONYX เลือกใช้บริการ การตลาดด้วยกลิ่น ในการสร้างภาพลักษณ์ให้ดูหรูหรา จนสามารถเพิ่มลูกค้าระดับชั้นธุกิจ และสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
– อาคาร Chartered Square เลือกใช้กลิ่นหอม ในการสร้างภาพลักษณ์ และปรับบรรยากาศที่ดีภายในอาคารสำนักงาน ให้ผู้ที่ได้สัมผัสเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย สดชื่น ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาถึง
“กลิ่นหอม” คือศาสตร์สัมผัสอันทรงพลัง ที่สามารถส่งตรงถึงสมอง
โดยไม่ผ่านกระบวนการตีความ สามารถถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกได้หลายรูปแบบ ตามลักษณะของกลิ่นที่เราต้องการนำเสนอ ให้ผู้ที่ได้รับกลิ่นตกอยู่ในภวังค์ และคล้อยตามได้อย่างน่าอัศจรรย์ “การทำตลาดด้วยกลิ่น” จึงถือเป็นการตลาดรูปแบบใหม่ ที่ไม่จำเป็นต้องถ่ายทอดความรู้สึกของแบรนด์ ผ่าน ภาพ หรือ เสียง
อีกต่อไป แต่สามารถถ่ายทอดได้ด้วย “กลิ่น” เพื่อให้ผู้ใช้บริการเกิดความรู้สึก ตราตรึง และชัดเจนต่อแบรนด์สินค้า และการบริการของคุณมากกว่าที่เคยเป็น
บทความที่น่าสนใจสำหรับคุณ
